ถ้าทุกคนยังไม่ลืมเหตุการณ์วาตภัยครั้งร้ายแรงเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2548 ซึ่งพายุฮอริเคนแคทาริน่าได้พัดถล่มรัฐชายฝั่งตะวันออกของอเมริกา ได้แก่รัฐ New Orleans, หลุยเซียน่า และมิสซิสซิปปี้ กินพื้นที่ 230,000 ตารางกิโลเมตร สร้างความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยมีมูลค่าความเสียหายถึง 75,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หลายคนตั้งคำถามว่าความรุนแรงของพายุแคทาริน่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนหรือไม่ ซึ่งนักวิชาการยังไม่อาจสรุปได้ว่าความรุนแรงของแคทาริน่าเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนเพียงอย่างเดียว เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อสภาพอากาศ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกและความแปรปรวนของฤดูกาล (ฤดูกาลมาล่าช้ากว่าปกติ) อีกด้วย
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าพายุฮอริเคนมีลักษณะอย่างไร และเกิดขึ้นมาได้อย่างไร พายุฮอริเคนคือพายุที่มีความเร็วลม 200 – 2,000 กิโลเมตร เกิดเมื่อผิวหน้าน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงกับความกดอากาศต่ำ พายุฮอลิเคนจึงเกิดเฉพาะในเขตร้อนและมีลักษณะเป็นฤดูกาล (มิถุนายน ถึง พฤศจิกายน) โดยพบว่าอุณหภูมิผิวหน้าน้ำต้องสูงกว่า 27 องศาเซลเซียสจึงจะเกิดพายุฮอริเคนได้
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความรุนแรงของพายุฮอริเคนได้แก่ อุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเล นักวิทยาศาสตร์พบว่าพายุฮอลิเคนแคทาริน่ามีกำลังแรงขึ้นหลังจากเคลื่อนตัวผ่านอ่าวแม็กซิโก เนื่องจากความร้อนบริเวณดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความสัมพันธ์พฤติกรรมของมนุษย์ต่อสภาพอากาศ พบว่า มนุษย์มีส่วนเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน ซึ่งก๊าซเหล่านี้มีผลทำให้อุณหภูมิผิวหน้าน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น และการสูงขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำมีผลทำให้ความรุนแรงของพายุฮอริเคนทวีกำลังแรงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะคาดการณ์ความรุนแรงของพายุเมื่อปัจจัยรอบข้างมีการเปลี่ยนแปลง โดยทำโมเดล (โปรแกรมแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองเหตุการณ์) เพื่อคาดคะเนผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิผิวหน้าน้ำ กระแสลม ความชื้น เป็นต้น พบว่าก๊าซเรือนกระจกมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำ และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดพายุที่รุนแรงมากขึ้น สิ่งที่น่าวิตกมากกว่าความรุนแรงของพายุแคทาริน่าก็คือจากการพยากรณ์ของโมเดลพบว่าในอนาคตภาวะโลกร้อนอาจทำให้ความรุนแรงของพายุฮอริเคนเพิ่มยิ่งขึ้น
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่าพายุฮอริเคนมีลักษณะอย่างไร และเกิดขึ้นมาได้อย่างไร พายุฮอริเคนคือพายุที่มีความเร็วลม 200 – 2,000 กิโลเมตร เกิดเมื่อผิวหน้าน้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงกับความกดอากาศต่ำ พายุฮอลิเคนจึงเกิดเฉพาะในเขตร้อนและมีลักษณะเป็นฤดูกาล (มิถุนายน ถึง พฤศจิกายน) โดยพบว่าอุณหภูมิผิวหน้าน้ำต้องสูงกว่า 27 องศาเซลเซียสจึงจะเกิดพายุฮอริเคนได้
ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความรุนแรงของพายุฮอริเคนได้แก่ อุณหภูมิผิวหน้าน้ำทะเล นักวิทยาศาสตร์พบว่าพายุฮอลิเคนแคทาริน่ามีกำลังแรงขึ้นหลังจากเคลื่อนตัวผ่านอ่าวแม็กซิโก เนื่องจากความร้อนบริเวณดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาความสัมพันธ์พฤติกรรมของมนุษย์ต่อสภาพอากาศ พบว่า มนุษย์มีส่วนเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจก เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีเทน ซึ่งก๊าซเหล่านี้มีผลทำให้อุณหภูมิผิวหน้าน้ำในมหาสมุทรสูงขึ้น และการสูงขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำมีผลทำให้ความรุนแรงของพายุฮอริเคนทวีกำลังแรงขึ้น
นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะคาดการณ์ความรุนแรงของพายุเมื่อปัจจัยรอบข้างมีการเปลี่ยนแปลง โดยทำโมเดล (โปรแกรมแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อจำลองเหตุการณ์) เพื่อคาดคะเนผลลัพธ์ที่จะตามมาจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่างๆ เช่น อุณหภูมิผิวหน้าน้ำ กระแสลม ความชื้น เป็นต้น พบว่าก๊าซเรือนกระจกมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำ และการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิผิวหน้าน้ำแม้เพียงเล็กน้อยก็ทำให้เกิดพายุที่รุนแรงมากขึ้น สิ่งที่น่าวิตกมากกว่าความรุนแรงของพายุแคทาริน่าก็คือจากการพยากรณ์ของโมเดลพบว่าในอนาคตภาวะโลกร้อนอาจทำให้ความรุนแรงของพายุฮอริเคนเพิ่มยิ่งขึ้น
ที่มา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น